สตม. แจงสกัดฟรีวีซ่ารัน จัดระเบียบต่างชาติเข้าไทย กันต่างชาติแฝงตัวทำงาน แอบก่อคดี ยันไม่กระทบท่องเที่ยว

สตม. แจงสกัดฟรีวีซ่ารัน จัดระเบียบต่างชาติเข้าไทย กันต่างชาติแฝงตัวทำงาน แอบก่อคดี ยันไม่กระทบท่องเที่ยว

ตามนโยบายของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.ที่ประกาศสงครามกับอาชญากรรมไซเบอร์ โดย พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. ได้กำชับมาตรการสกัดกั้นการเดินทางของคนต่างชาติที่แฝงตัวเป็นนักท่องเที่ยวเข้า-ออกไทย ทั้งด่านชายแดนทางบก และด่านชายแดนทางอากาศ ซึ่งหลังใช้มาตรการเข้ม เริ่มมีการปล่อยข่าวว่า ตม. จะตรวจเข้มเฉพาะชาวจีนบ้าง หรือคนต่างชาติ 16 สัญชาติบ้าง และเริ่มมีกระแสว่า มาตรการดังกล่าวทำให้กระทบการท่องเที่ยว

ล่าสุด 25 พ.ย.2568 พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี รอง ผบช.ฯ /โฆษก สตม. ได้เปิดเผยว่า หลัง สตม. ไทย ใช้มาตรการเข้มที่ด่าน ตม. ชายแดน และด่าน ตม. ทางอากาศ พบว่า เริ่มมีต่างชาติที่เสียประโยชน์ รวมถึงผู้ประกอบการบางรายที่ทำธุรกิจ Visa Run ปล่อยข่าวทางโซเชียล เพื่อสร้างกระแสว่ามาตรการดังกล่าวกระทบต่อการท่องเที่ยว ทำให้ต่างชาติที่เป็นนักท่องเที่ยวที่จะมาเที่ยวในไทยจริงๆ มีความกังวล โดยเฉพาะชาวจีน และนักท่องเที่ยว 16 สัญชาติ เช่น สิงคโปร์ เกาหลีใต้ รัสเซีย เป็นต้น

โดย พล.ต.ต.เชิงรณฯ กล่าวว่า มาตรการดังกล่าว จะสกัดคนต่างชาติทุกสัญชาติที่ฉวยโอกาสยกเว้นการขอวีซ่าเพื่อการท่องเที่ยว หรือ ที่เรียกว่า Free Visa ซึ่งสามารถอยู่ในไทยได้ถึง 90 วันต่อครั้ง และเดินทางออกระยะสั้น แล้วเดินทางกลับเข้ามาใหม่ในระยะเวลาเกือบ 90 วัน ซ้ำๆ จนพบว่า บางรายเข้าออกติดต่อไม่น้อยกว่า 7 ครั้ง รวมเวลาพำนักในไทยกว่า 200 กว่าวัน โดยใช้เส้นทางเข้า-ออกไทยทางอากาศบ้าง ทางบกบ้าง

โดยพบว่า คนต่างชาติเหล่านี้ ไม่ได้เข้า-ออกไทย เพื่อการท่องเที่ยวจริง ซึ่งคนต่างชาติกลุ่มนี้หลายรายทำธุรกิจบ้าง ประกอบอาชีพบ้าง หรือเป็นเจ้าของกิจการโดยใช้คนไทยเป็นนอร์มินีบ้าง โดยใช้ Free Visa เพื่อหลีกเลี่ยงการขอ Visa ที่ถูกต้องตามวัตถุประสงค์ของการเข้าไทย ซึ่งจะทำให้คนต่างชาติเหล่านี้ ไม่มีข้อมูลในระบบควบคุมการประกอบอาชีพในไทย ทั้งด้านแรงงาน พาณิชย์ รวมถึงระบบการเสียภาษีต่างๆ นอกจากนั้น ยังป้องกันคนต่างชาติที่ถูกกวาดล้างจากขบวนการคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้าน และใช้ Free Visa เพื่อย้ายฐานเข้ามาในไทย ซึ่งที่ผ่านมา มีการเข้าจับกุมตามปรากฎข่าวหลายราย และพบว่ามีประวัติการใช้ Visa Run เข้าไทย

ส่วนประเด็นที่อ้างว่า ตม. จะเน้นสกัดคนต่างชาติ 16 สัญชาติ โดยเฉพาะจีนนั้น เป็นข้อความเท็จ เนื่องจาก มาตรการนี้จะใช้กับคนต่างชาติทุกสัญชาติ ที่ใช้สิทธิ Free Visa ในระยะเกือบเต็มสิทธิไม่น้อยกว่าครั้งละ 45 วัน ต่อเนื่องกันหลายครั้งเกินกว่า 2 ครั้ง หากพบจะถูก จนท.ตม. เรียกตรวจสอบ เพื่อดูการจองที่พัก ซื้อตั๋วเดินทางกลับ แผนการท่องเที่ยว รวมถึงเหตุผลอื่นๆ ที่เป็นเหตุให้เข้า-ออกไทยหลายครั้งจนผิดวิสัยนักท่องเที่ยว เพื่อพิจารณาว่าจะอนุญาตให้เข้าหรือไม่ หากปฎิเสธ ก็จะถูกส่งกลับ โดยแนะนำให้ขอวีซ่ามาให้ถูกต้องตามวัตถุประสงค์

 

พล.ต.ต.เชิงรณฯ ยืนยันว่า มาตรการนี้ เป็นการคัดแยกนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวและสร้างรายได้ให้ไทยอย่างชัดเจนมากขึ้น ซึ่งตามสถิตินักท่องเที่ยวจริงๆ จะใช้เวลาพำนักเฉลี่ยครั้งละ 15 วัน มีแผนท่องเที่ยว มีที่พัก และวันเดินทางกลับที่ชัดเจน กลุ่มนี้ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด

สำหรับช่วง พ.ย.2568 พบว่า แนวโน้มคนต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน อินเดีย มีแนวโน้มเข้าไทยเพิ่มมากขึ้น โดยที่ด่าน ตม. สนามบิน มีตัวเลขเฉลี่ยคนต่างชาติบินเข้าไทยราววันละ 115,000 คน โดยสนามบินสุวรรณภูมิ เฉลี่ยต่างชาติเดินทางเข้าราววันละ 73,000 คน รองลงมาเป็นสนามบินดอนเมือง และสนามบินภูเก็ต ซึ่งมาตรการดังกล่าว อาจกระทบกับความหนาแน่นที่สนามบิน โดยเฉพาะสนามบินสุวรรณภูมิไปบ้าง แต่ยืนยันว่า ในช่วงเที่ยวบินหนาแน่น คนต่างชาติใช้เวลารอคิวถึงหน้าช่องตรวจหนังสือเดินทางไม่เกินคนละ 40 นาที โดยในช่วงปลายปี จะขยายการตรวจคนต่างชาติที่มีวีซ่า สามารถใช้ช่อง Automatic Channel ได้ด้วย จะช่วยลดระดับความหนาแน่นได้ดีขึ้น

ทั้งนี้ มาตรการการคัดกรอง Visa Run นี้ อาจกระทบกับคนต่างชาติที่ใช้ Visa Run แฝงเข้าไทยมานานจนเคยตัว รวมถึงผู้ประกอบการ Visa Run แก่คนต่างชาติที่เสียประโยชน์ ซึ่ง พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. เห็นว่า จะต้องจัดระเบียบคนต่างชาติที่เข้าไทยให้ถูกต้อง ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลปกติซึ่ง ตม. ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลทั่วโลกใช้คัดกรองต่างชาติทั้งสิ้น หากใช้แต่มาตรการด้านอำนวยความสะดวกโดยเอาแต่ยอดนักท่องเที่ยวที่ไม่เป็นจริง ก็จะเกิดความเสี่ยงด้านความมั่นคง และถูกครหาว่า ไทยเป็นแหล่งพักพิงของต่างชาติผิดกฎหมายในที่สุด พล.ต.ต.เชิงรณ กล่าว