สุราษฎร์ธานี-ตำรวจท่องเที่ยวผนึกกรมการท่องเที่ยว บุกรวบ 3 ผู้ต้องหาคาโรงแรมเกาะพะงัน

สุราษฎร์ธานี-ตำรวจท่องเที่ยวผนึกกรมการท่องเที่ยว บุกรวบ 3 ผู้ต้องหาคาโรงแรมเกาะพะงัน

 

พล.ต.ท.ศักษ์ศิรา เผือกอ่ำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (ผบช.ทท.) ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.วินิจ บุญชิต สารวัตรสถานีตำรวจท่องเที่ยว 5 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 3 (สว.ส.ทท.5 กก.2 บก.ทท.3) ร่วมกับ กรมการท่องเที่ยว ซึ่งประกอบด้วย สำนักงานทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ สาขาภาคใต้ เขต 1 และกลุ่มตรวจธุรกิจนำเที่ยว มัคคุเทศก์และผู้นำเที่ยว ร่วมกันกวาดขันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจนำเที่ยวโดยไม่ได้รับอนุญาต และเข้าข่ายใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (NOMINEE) โดยเน้นย้ำต้องไม่มีทัวร์เถื่อนและการลักลอบประกอบธุรกิจกิจการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจนำเที่ยวโดยเด็ดขาด

จากการปฏิบัติการในพื้นที่ อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้เข้าตรวจสอบธุรกิจกิจการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจนำเที่ยว จนกระทั่งมาถึงบริเวณ “โรงแรมทิกิบีช TIKI BEACH” ตั้งอยู่เลขที่ 145/11 ม.1 ต.บ้านใต้ อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งพบว่ามีการเปิดขายทัวร์ ทริปการท่องเที่ยว หรือตั๋วเดินทาง ทั้งรถรับ-ส่ง (แท็กซี่) และเรือโดยสาร (เฟอร์รี่) ภายในโรงแรม

ขณะที่เจ้าหน้าที่กรมการท่องเที่ยวตรวจสอบระบบฐานข้อมูลใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวภายในโรงแรม พบหญิงไทย 2 คน สวมเสื้อสีดำที่มีอักษร “TEAM TIKI @TIKIBEACH.KOHPHANGAN” ด้านหลัง นั่งอยู่บริเวณเคาน์เตอร์แผนกต้อนรับกำลังให้บริการลูกค้าชาวต่างชาติ ใกล้กันมีป้ายภาษาอังกฤษระบุว่า “TRAVEL SHOP” และมีใบประกาศโฆษณา (โบรชัวร์) นำเสนอข้อมูลและบริการชี้ชวนขายโปรแกรมทัวร์หลายบริษัทวางอยู่ บนเคาน์เตอร์ยังพบสมุดใบเสร็จรับเงินจากลูกค้า ด้านหน้าเขียนว่า Ferry/Tour 28/08/25 จำนวน 1 เล่ม ซึ่งภายในมีรายละเอียดการส่งลูกค้าให้กับบริษัทปลายทางต่างๆ

เจ้าหน้าที่ได้ขอตรวจสอบใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวจากหญิงไทยทั้งสองคน แต่ไม่สามารถแสดงได้ ทราบชื่อคือ 1. น.ส.จุฑาทิพย์ อายุ 28 ปี และ 2. น.ส.สุวพิชชา อายุ 21 ปี พร้อมยึดของกลางคือ รายการใบเสร็จรับเงิน จำนวน 12 ใบ และแจ้งข้อหา “ร่วมกันประกอบธุรกิจนำเที่ยวโดยไม่ได้รับใบอนุญาต”

จากการสอบถาม น.ส.จุฑาทิพย์ฯ และ น.ส.สุวพิชชาฯ ให้การยอมรับว่า ได้รับคำสั่งจาก บริษัท ติกิบีช จำกัด ให้ทำหน้าที่ในการขายโปรแกรมทัวร์และส่งให้กับบริษัทปลายทางในพื้นที่เกาะพะงัน เช่น บริษัท ลมพระยา ทัวร์, บริษัท โอไรออน ทัวร์, บริษัท มิงกาลาบา ทัวร์ และ บริษัท เอเชียบลู ทัวร์ โดยได้รับค่าตอบแทนเป็นเปอร์เซ็นต์จากการขาย 200-400 บาท ซึ่งรายได้จะเข้าบริษัทฯ ก่อนจะจ่ายเป็นเงินเดือนให้ น.ส.จุฑาทิพย์ฯ จำนวน 21,000 บาท และ น.ส.สุวพิชชาฯ จำนวน 19,000 บาท

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้จับกุม 3. นายเมี๊ยะ หรือ Mr.MyatKyaw อายุ 27 ปี สัญชาติเมียนมาร์ ซึ่งทำงานอยู่ที่โรงแรมดังกล่าว โดยให้การว่าได้รับการว่าจ้างจาก บริษัท ทิกิบีช จำกัด ให้มาทำงานเป็นพนักงานให้บริการจำหน่ายเครื่องดื่มและบุหรี่แก่ลูกค้า เก็บเงิน และบันทึกใบเสร็จรับเงินในระบบ ได้รับเงินเดือน 18,500 บาท เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิ์จะทำได้ (เสมียนตราพนักงาน) และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย”

 

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย พร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เกาะพะงัน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป และจะดำเนินคดีกับ บริษัท ติกิบีช จำกัด ใน 2 ข้อหา คือ 1. “ร่วมกันประกอบธุรกิจนำเที่ยวโดยไม่ได้รับใบอนุญาต” และ 2. “เป็นนายจ้างจ้างบุคคลต่างด้าวทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิ์จะทำได้ (เสมียนตราพนักงาน)”

ทั้งนี้ กรมการท่องเที่ยว ซึ่งประกอบด้วย สำนักงานทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ สาขาภาคใต้ เขต 1 และกลุ่มตรวจธุรกิจนำเที่ยว มัคคุเทศก์ได้ไปแจ้งคำสั่งทางปกครอง (เพิกถอนใบอนุญาตฯ) บริษัทนิบุรุ ซี จำกัด ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว เลขที่ 43/01023 ซึ่งได้ตรวจ

พบว่าขาดคุณสมบัติการได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว เนื่องจากเปลี่ยนแปลงอำนาจกรรมการบริษัท ที่เป็นชาวต่างชาติให้มีสิทธิ์ลงนามในการประกอบธุรกิจ เป็นเหตุให้ขาดคุณสมบัติ

ตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวฯ โดยมีพนักงานของบริษัทเซ็นรับคำสั่งต่อหน้าพนักงานเจ้าหน้าที่ เป็นเหตุให้ใบอนุญาตสิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่ 7 พ.ย. 2568

ทั้งนี้ทางท่าน พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำผบช.ทท.ได้กำชับหัวหน้าสถานีตำรวจท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวนำร่องและพื้นที่ไกล้เคียงเร่งให้กวาดล้างการกระทำผิดของกลุ่มชาวต่างชาติที่เข้า

มาแฝงตัวก่ออาชญากรรมทุกรูปแบบ ให้ดำเนินคดีเด็ดขาดไม่เว้นทุกกรณี พร้อมทั้งให้ ประสานความร่วมมือกับ กรมการท่องเที่ยว (สำนักงานทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ สาขาภาคใต้ เขต 1 และกลุ่มตรวจธุรกิจนำเที่ยวฯ) ร่วมกันกวาดล้างและปราบปรามการประกอบธุรกิจนำเที่ยวโดยไม่ได้รับอนุญาต และเข้าข่ายใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง(NOMINEE)โดยเน้นย้ำตามนโยบายให้ “ต้องไม่มีทัวร์เถื่อน” ในพื้นที่อย่างเด็ดขาด