กาฬสินธุ์ชาวบ้านบุกศาลากลางยื่นหนังสือให้ทบทวนคำสั่งไล่ผญบ.ออกจากตำแหน่ง
ตัวแทนชาวบ้านเปือย ตำบลยางตลาด อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ รวมตัวกันบุกยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมให้ทบทวนและเพิกถอนคำสั่งไล่ผู้ใหญ่บ้านออกตำแหน่ง หลังถูกร้องเรียนและกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับการเล่นการพนัน พร้อมระบุ ผู้ใหญ่บ้านปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต หมั่นดูแลทุกข์สุขของราษฎรในหมู่บ้านอย่างใกล้ชิด และเป็นแบบอย่างที่ดีในการครองตน ครองคน และครองงานไม่เคยเล่นการพนัน
วันที่ 24 ตุลาคม 2568 ตัวแทนชาวบ้านเปือย ม.5 ต.ยางตลาด อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กว่า 100 คน นำโดย น.ส.พิมพิไล เรืองชาญ อายุ 37 ปี  ถือป้ายข้อความรวมตัวกันยื่นหนังสือกับศูนย์ดำรงธรรม จ.กาฬสินธุ์ เพื่อขอความเป็นธรรม และขอให้เพิกถอนคำสั่งไล่ น.ส.นงค์ลักษณ์ ภูทองไทย ออกจากตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านเปลือย ม.5 โดยมี น.ส.สมพร จันทร์นนท์ ผอ.ศูนย์ดำรงธรรม จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยนายณัฐพล แสนคำ หัวหน้ากลุ่มงานอำนวยความเป็นธรรม ที่ทำการปกครอง จ.กาฬสินธุ์ พ.จ.อ.ภานุพงษ์ เหล็กจาน ปลัดอำเภอยางตลาด เจ้าหน้าที่ปกครอง จ.กาฬสินธุ์ เจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรม จ.กาฬสินธุ์ และเจ้าหน้าที่อส.คอยอำนวยความสะดวก และดูแลความเรียบร้อย โดยได้เปิดห้องประชุมเพื่อรับฟังเรื่องร้องขอความเป็นธรรมของชาวบ้าน
น.ส.พิมพิไล เรืองชาญ ตัวแทนชาวบ้าน กล่าวว่า วันนี้ตนและตัวแทนกลุ่มชาวบ้านเปลือย หมู่ที่ 5 ต.ยางตลาด อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ได้มายื่นหนังสือ เพื่อขอความเป็นธรรม และขอความเมตตาให้เพิกถอนคำสั่ง กรณีได้มีคำสั่งจังหวัดกาฬสินธุ์ ที่ 12400/2568 ลงวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ.2568 ให้ น.ส.นงค์ลักษณ์ ภูทองไทย ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5 ต.ยางตลาด อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ออกจากราชการ โดยมีเหตุผลว่าถูกร้องเรียน และกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับการเล่นการพนันนั้น ซึ่งตนและประชาชนในพื้นที่ ขอเรียนว่า ข้อกล่าวหาดังกล่าวไม่เป็นความจริง และไม่เคยเล่นการพนันเลย
น.ส.พิมพิไล กล่าวต่อว่า ตลอดระยะเวลาที่ น.ส.นงค์ลักษณ์ ภูทองไทย ดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เสียสละเวลา และแรงกาย เพื่อประโยชน์ส่วนรวมอย่างต่อเนื่อง เป็นผู้นำที่มีจิตอาสา หมั่นดูแลทุกข์สุขของราษฎรในหมู่บ้านอย่างใกล้ชิด และเป็นแบบอย่างที่ดีในการครองตน ครองคน และครองงาน
น.ส.พิมพิไล กล่าวว่า ในส่วนหลักฐานคลิปวิดีโอที่นำมากล่าวอ้างดังกล่าว ตนและชาวบ้านขอยืนยันว่า น.ส.นงค์ลักษณ์ มีจุดประสงค์ในการห้ามปรามชาวบ้านที่จะเล่นการพนันในงานศพ โดยแจ้งบุคคลทั้งสามที่นั่งอยู่ในวงว่า ห้ามให้มีการเล่นการพนัน ให้เก็บอุปกรณ์ และได้ชี้นิ้วสั่งห้ามไม่ให้เล่นตามคลิปวิดีโอหลักฐาน บุคคลทั้งสามจึงเก็บอุปกรณ์แล้วแยกย้ายกลับบ้าน
ทั้งนี้ที่ผ่านมาน.ส.นงค์ลักษณ์ ภูทองไทย มีผลงานและคุณงามความดีที่เป็นที่ประจักษ์ของผู้ใหญ่บ้าน เช่น ช่วยเหลือผู้ประสบภัยและยากจนโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน, พัฒนาสาธารณูปโภคภายในหมู่บ้านและส่งเสริมอาชีพให้ประชาชน รวมทั้งเป็นผู้นำในการรณณรงค์ไม่ให้ประชาชนเล่นการพนัน ดื่มสุรา หรือมั่วสุมในสิ่งเสพติด และทำหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐอย่างเข้มแข็ง และเป็นที่เคารพรักของชาวบ้าน
 
น.ส.พิมพิไล กล่าวอีกว่า ดังนั้นชาวบ้านจึงมีความเชื่อมั่นโดยบริสุทธิ์ใจว่า น.ส.นงค์ลักษณ์ ภูทองไทย ไม่ได้มีพฤติกรรรมเล่นการพนัน หรือกระทำผิดวินัยตามที่ถูกกล่าวหา และเห็นว่าคำสั่งให้ออกจากราชการดังกล่าว ไม่เป็นธรรม และอาจเกิดจากความเข้าใจคลาดเคลื่อน อีกทั้งการกล่าวหา น.ส.นงค์ลักษณ์ เป็นการกลั่นแกล้งให้พ้นออกจากตำแหน่ง  ตนและตัวแทนชาวบ้านจึงพร้อมใจกันทำหนังสือมายื่น เพื่อขอผู้ที่เกี่ยวข้องได้โปรดทบทวนและเพิกถอนคำสั่งให้ออกจากราชการดังกล่าว หรือให้มีการสอบสวนข้อเท็จจริงเพิ่มเติมอย่างโปร่งใส เป็นธรรม และเปิดโอกาสให้ชาวบ้านได้แสดงความคิดเห็นต่อข้อเท็จจริงในพื้นที่ด้วย เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ใหญ่บ้านผู้มีคุณงามความดี และเพื่อให้ประชาชนในหมู่บ้านได้รับผู้นำที่พวกเรายังศรัทธาและไว้วางใจ
 
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้อธิบายถึงรายละเรื่องดังกล่าวให้ชาวบ้าน โดยนายณัฐพล แสนคำ หัวหน้ากลุ่มงานอำนวยความเป็นธรรม ที่ทำการปกครอง จ.กาฬสินธุ์ ได้สรุปถึงเรื่องดังกล่าวให้กับประชาชนในที่ประชุมว่า กรณีดังกล่าวเจ้าหน้าที่ได้รับการร้องเรียน พร้อมกับคลิปวีโอหลักฐานว่า ผู้ใหญ่บ้านเล่นการพนัน จึงได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง จนกระทั่งมีหลักฐานเชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิดอย่างนั้นจริง และได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงขึ้นมา
 
จากนั้นได้นำเรื่องดังกล่าวเสนอไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจออกคำสั่ง และมีคำสั่งไล่ออกจากตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งการไล่ออกนั้น เจ้าตัวก็มีสิทธิที่จะอุทธรณ์คำสั่งได้ และขณะนี้ทางผู้ใหญ่บ้านก็ได้ทำเรื่องอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวแล้ว ซึ่งขณะนี้ขั้นตอนอยู่ที่จังหวัด และอยู่ระหว่างทำเรื่องเสนอไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อที่จะเสนอเรื่องอุทธรณ์คำสั่งไปยังกระทรวงมหาดไทย เพื่อพิจารณาต่อไป
อย่างไรก็ตามภายหลังรับฟังการชี้แจ้งถึงขั้นตอน และกรอบเวลาในการใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์ตามกฏหมายและระเบียบของกระทรวงมหาดไทยแล้ว กลุ่มประชาชนได้เข้าใจ และรับทราบถึงขั้นตอนต่างๆอย่างถูกต้อง พึ่งพอให้ในการชี้แจงของเจ้าหน้าที่ จึงพากันแยกย้ายเดินทางกลับ