นครปฐม-ตำรวจภูธรภาค 7 แถลงผลปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติด 4.1 ล้านเม็ด และคดีอาชญากรรมที่สำคัญ

นครปฐม-ตำรวจภูธรภาค 7 แถลงผลปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติด 4.1 ล้านเม็ด และคดีอาชญากรรมที่สำคัญ

 

ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม พล.ต.ท.พิสิฐ ตันประเสริฐ ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 7 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์, พล.ต.ต.ปิติ นฤขัตรพิชัย และ พล.ต.ต.ประสพชัย มัตสยะวนิชกูล รองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 7, พล.ต.ต.กานต์ ธรรมเกษม ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 7, นางสาวอโรชา นันทมนตรี ผู้ว่าราชจังหวัดนครปฐม, พล.ต.ต.พิทักษ์ อุปพงษ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงผลปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติด ตามนโยบายรัฐบาล

โดยได้ทำการจับกุมนายประภากร หรือยุ่ง (นามสมมุติ)อายุ 42 ปี ชาวตำบลคลองตาคต อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ได้ที่บริเวณสี่แยกปากท่อ ถนนเพชรเกษม ตำบลดอนทราย อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2568 เวลาประมาณ 03.00 น. พร้อมของกลาง ประกอบด้วย ยาบ้า 4,100,000 เม็ด มูลค่ากว่า 40 ล้านบาท เคตามีน 3.15 กรัม รถยนต์ 3 คัน และโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง โดยผู้ต้องหามีพฤติกรรมจากการสืบข้อมูลทางว่ามีความเกี่ยวข้องกับผู้ค้ายาเสพติดในจังหวัดราชบุรี และได้มีการติดตามความคืบหน้ากว่าสี่เดือน
จึงทราบว่าจะมีการลักลอบนำยาบ้าเข้าสู่จังหวัดราชบุรีโดยใช้ยานพาหนะสี่คัน ซึ่งเมื่อเป้าหมายไปถึงจึงได้มีการปิดล้อมและสามารถจับกุมพร้อมของกลางได้เป็นจำนวนมาก

 

โดยนางสาวอโรชา นันทมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ได้กล่าวถึงการดำเนินการประสานงานความร่วมมือระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจังหวัดนครปฐม เจ้าหน้าที่ทหาร และอีกหลายภาคส่วน อาทิ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้มีการประสานความร่วมมือกันอย่างชัดเจนและได้มีการใช้เทคโนโลยีด้วยการติดตามผู้ต้องหาและขบวนการผู้ค้ายาเสพติดจากกล้องวงจรปิด หรือ CCTV ที่มีอยู่รอบเมืองจึงทำให้การดำเนินการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยจังหวัดนครปฐมยืนยันว่าจะมีการประสานความร่วมมือกับทุกหน่วยงานเพื่อทำให้เกิดความผาสุกกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่อย่างชัดเจน

 

นอกจากนี้ได้มีการแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาก่อเหตุอาชญากรรมหลายคดี ได้แก่ คดีก่อเหตุแทงกันทำร้ายร่างกายจนจนถึงชีวิต คดีเกี่ยวกับการรับจ้างยิงเพื่อหักยอดหนี้มูลค่ากว่า 130 ล้านบาท และคดีที่มีมีการยิงกันระหว่างพ่อตาและลูกเขย ซึ่งเกิดขึ้นในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 7 ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้สนธิระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ จังหวัดนครปฐม กอ.รมน.จังหวัดนครปฐม ทำให้มีผลการปฏิบัติการที่มีประสิทธิภาพและเป็นการเริ่มปฏิบัติการเพิ่มความเข้มข้นในการป้องกันเหตุและติดตามจับกลุ่มผู้ต้องหาหลังก่อเหตุ ซึ่งในครั้งนี้ยังได้มีการใช้เทคโนโลยีและนิติวิทยาศาสตร์เข้ามาดำเนินการในกระบวนการดังกล่าว อีกด้วย

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม – ภาพ/ข่าว