ร้อยเอ็ด…ใครผิด…ครู-ญาติเด็กหญิงวัย 13 ปี นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอเกษตรวิสัย จังหวัดร้อยเอ็ด เข้าร้องเรียนต่อคณะกรรมการอัยการคุ้มครองสิทธิ์ภาคประชาชนจังหวัดร้อยเอ็ด

ร้อยเอ็ด…ใครผิด…ครู-ญาติเด็กหญิงวัย 13 ปี นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอเกษตรวิสัย จังหวัดร้อยเอ็ด เข้าร้องเรียนต่อคณะกรรมการอัยการคุ้มครองสิทธิ์ภาคประชาชนจังหวัดร้อยเอ็ด

 

หลังจากเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด จากเพียงอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์เสียหลักล้ม มีแผลถลอก และบาดเจ็บเล็กน้อย สุดท้ายกลับต้องถูก “ตัดขาซ้ายเหนือหัวเข่า”

เหตุการณ์นี้ไม่เพียงสะท้อนชะตากรรมของเด็กหญิงวัยเพียง 13 ปีที่ต้องสูญเสียอนาคตไปกับขาข้างหนึ่ง แต่ยังสะท้อนคำถามถึงระบบการแพทย์และการสื่อสารกับคนไข้ ว่า จะปล่อยให้ “เจ็บนิดเดียว แต่ต้องตัดขา” เป็นเพียงความผิดพลาดที่ไม่มีใครรับผิดชอบได้จริงหรือ

ย้อนไปถึงเหตุการณ์ของวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 เด็กหญิงรายนี้ถูกส่งเข้าโรงพยาบาลแห่งหนึ่งด้วยอาการ “เข่าหลุด กระดูกแตกเล็กน้อย” แพทย์เพียงใส่เฝือกอ่อนและให้กลับบ้าน
3 สิงหาคม อาการเริ่มหนัก ญาติพามาตรวจซ้ำ พบเพียงการสั่งจ่ายยาแล้วให้กลับบ้านอีกทั้งที่ขาของเด็กเริ่มบวมผิดปกติ 11 สิงหาคม เด็กปวดจนทนแทบไม่ไหว ขาบวมจนเกือบแตก แต่ก็ยังถูกส่งกลับบ้านอีก

กระทั่ง 13 สิงหาคม เด็กต้องเข้า ICU หลังตรวจพบเลือดในร่างกายผิดปกติ และเมื่อเปิดเฝือกอ่อนออก จึงเห็นว่าแผลเน่าลุกลาม นิ้วเท้าคล้ำเป็นสีดำจากการพันผ้าแน่นนานหลายวัน

ครูและญาติต่างเล่าเหมือนกันว่าตลอดการรักษา ได้ถามย้ำหมอเสมอว่าจะไม่ถึงขั้นตัดขาใช่หรือไม่ และหมอยืนยันว่า “รักษาหายได้แน่นอนโดยไม่ต้องตัด” แต่สุดท้ายเมื่อส่งต่อโรงพยาบาลประจำจังหวัด กลับได้รับแจ้งข่าวร้ายว่า “ไม่สามารถรักษาขาไว้ได้ จำเป็นต้องตัดขาทิ้ง

อนึ่งข่าวนี้สร้างความสะเทือนใจให้กับครอบครัว ครู นักเรียน และคนในสังคมอยากถามหมอว่า ความบกพร่องใดที่ทำให้การรักษาจากอาการเล็กน้อยบานปลายจนเด็กหญิงต้องเสียขาไปข้างหนึ่ง
ล่าสุด วันที่ 3 กันยายน 2568 ที่ผ่านมาได้มีการนัดเจรจาไกล่เกลี่ยที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด โดยมีนายประจวบ จำลองเพ็ง รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ร้อยเอ็ด ผอ.โรงพยาบาลที่ทำการรักษา พร้อมคณะ และประธานคณะกรรมการอัยการคุ้มครองสิทธิ์ภาคประชาชนจังหวัดร้อยเอ็ด เข้าร่วมเจราจา แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป มีการเสนอเงินเยียวยาเบื้องต้น 100,000 บาท ตามมาตรา 41 ของ สปสช.

ครอบครัวผู้เสียหายบอกว่าเงินจำนวนดังกล่าวมันไม่มากไม่น้อยจีงปฏิเสธเรื่องนี้ พร้อมย้ำว่า “นี่ไม่ใช่แค่เรื่องเงิน แต่มันคืออนาคตของเด็กคนหนึ่ง และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์”

นางสาวอารีย์ลักษณ์ อุดมแก้ว รองผู้อำนวยการโรงเรียนที่เด็กเรียนอยู่ ย้ำว่า ทางโรงเรียนพร้อมช่วยเหลือทุกทาง ทั้งช่วยทวงความเป็นธรรม เบื้องต้นได้นำเงินประกันอุบัติเหตุของโรงเรียนส่งให้ผู้ปกครองไว้เป็นค่าใข่จ่ายต่างๆและค่าเดินทางไปมาระหว่างการรักษา แต่สิ่งที่อยากได้มากกว่าคือ “ความรับผิดชอบจากโรงพยาบาลต้นเรื่อง และคำขอโทษจากแพทย์ผู้รักษา”

ด้าน นายชานนท์ ลิขิตบัณฑูร ประธานคณะกรรมการอัยการคุ้มครองสิทธิ์ภาคประชาชนจังหวัดร้อยเอ็ด เปิดเผยว่า หลังจาก คูและญาติ เข้ามาร้องขอ ความเป็นธรรมเรื่องกฎหมาย ที่ศูนย์ประสานงานคณะกรรมการอัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิ์ ภาคประชาชนจังหวัดร้อยเอ็ดโดยมีทางคณะกรรมการของศูนย์ฯ เข้าร่วมรับฟังและหาทางช่วยเหลืออย่างเต็มที่ทั้งเรื่องการเจรจา และข้อกฏหมาย แต่ขณะนี้การเจรจายังหาข้อยุติไม่ได้ หากทางญาติไม่ได้รับความเป็นธรรมจากทางโรงพยาบาลหรือหน่วยงานที่กี่ยวข้อง

ขั้นต่อไปอาจจะพาเข้าพบท่านอัยการจังหวัด และอัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิ์และช่วยเหลือทางกฏหมายแก่ประชาชน ซึ่งอาจนำคดีเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย เพื่อพิจารณาให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ทั้งโรงพยาบาลที่ทำการรักษา และครอบครัวของผู้เสียหาย เหตุการณ์ครั้งนี้มันส่งผลต่ออนาคตเด็กโดยตรงข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรสังคมรอคำตอบ และติดตามอย่างใกล้ชิดแน่นอน

โกสิทธิ์/ร้อยเอ็ด(ห)
081-377-2689