ชัยชนะ นำทีมลุยต่อเนื่องสอบ รพ.เอกชน ย่านรังสิต เคลียร์ปมตรวจสุขภาพต่างด้าวโดยไม่ได้รับอนุญาต

ชัยชนะ นำทีมลุยต่อเนื่องสอบ รพ.เอกชน ย่านรังสิต เคลียร์ปมตรวจสุขภาพต่างด้าวโดยไม่ได้รับอนุญาต

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นำทีมลุยสอบโรงพยาบาลเอกชน ย่านรังสิต หลังได้รับเบาะแสให้บริการตรวจสุขภาพแรงงาน โดยไม่ได้รับอนุญาต พบช่วง 10 เดือน ออกเอกสารตรวจสุขภาพแรงงานไปมากกว่า 12,000 ราย จึงสั่งเปรียบเทียบปรับตามกฎหมาย พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งติดตามให้กลับมาตรวจใหม่ให้ถูกต้องป้องกันการระบาดขโรคต่างแดน

เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2568 นายชัยชนะ เดชเดโช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบรากรสุขภาพ นายแพทย์นนท์ จินดาเวช นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สอบโรงพยาบาลเอกชน ย่านรังสิต จังหวัดปทุมธานี

นายชัยชนะ ให้สัมภาษณ์ว่า ปัจจุบัน ประเทศไทยมีคนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตทำงานทั่วราชอาณาจักร มากกว่า 4 ล้านคน และยังคงมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นในปีถัดๆไป ซึ่งการเพิ่มขึ้นแรงงานต่างด้าวนั้น แม้จะส่งผลดีในเรื่องของตลาดแรงงาน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเพิ่มขึ้นของแรงงานต่างด้าวก็อาจจะนำมาซึ่งผลกระทบอื่นๆ โดยเฉพาะปัญหาการระบาดของโรคต่างๆ กระทรวงสาธารณสุข จึงมุ่งเน้นให้ความสำคัญต่อการตรวจคัดกรองสุขภาพแรงงานต่างด้าว โดยในวันนี้ ตนจึงนำทีมพนักงานเจ้าหน้าที่ของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบโรงพยาบาลทั่วไปขนาดใหญ่ ย่านรังสิต จังหวัดปทุมธานี ซึ่งมีข้อมูลว่าเปิดให้บริการตรวจสุขภาพแรงงานต่างด้าวโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งจากการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่า โรงพยาบาลเอกชนดังกล่าว มีการขึ้นทะเบียนเป็นสถานพยาบาลเอกชนที่จะตรวจสุขภาพแรงงานต่างด้าวกับกรมจัดหางาน กระทรวงแรงงาน และอยู่ระหว่างการขออนุญาตให้บริการตรวจสุขภาพแรงงานต่างด้าวกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี แต่กลับเปิดให้บริการสุขภาพแรงงานต่างด้าวก่อนที่จะได้รับอนุญาต ซึ่งถือเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมายพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 ตามมาตรา 35(4) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จึงได้มีคำสั่งให้โรงพยาบาลฯ ระงับการให้บริการตรวจสุขภาพคนต่างด้าวจนกว่าจะได้รับอนุญาต และให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปทุมธานีดำเนินการเปรียบเทียบปรับ

“ปัจจุบัน มีสถานพยาบาลที่ขึ้นทะเบียนตรวจสุขภาพแรงงานต่างด้าวกับกรมการจัดหางาน 75 แห่ง แต่กลับมาขึ้นทะเบียนกับกระทรวงสาธารณสุข เพียง 41 แห่ง ซึ่งในวันนี้เพียงสถานพยาบาลแห่งเดียวเราพบข้อมูลการออกเอกสารตรวจสุขภาพให้แรงงานต่างด้าว ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2567 – สิงหาคม 2568 ไปมากกว่า 12,000 ราย จึงคาดว่าสถานพยาบาลที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับกระทรวงสาธารณสุขจะมีการออกเอกสารตรวจสุขภาพที่ไม่ถูกต้องให้แรงงานต่างด้าว รวมมากกว่า 300,000 ราย ซึ่งจะต้องเร่งแก้ไขร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีการเรียกตัวแรงงานเหล่านี้กลับมาตรวจสุขภาพให้ถูกต้องไม่ตกหล่นแม้แต่คนเดียว เพื่อคุ้มครองความมั่นคงด้านสุขภาพของประเทศ” นายชัยชนะ กล่าว
ด้านทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้สถานพยาบาลจะได้ขึ้นทะเบียนเป็นสถานพยาบาลอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว แต่หากมีความประสงค์จะให้บริการตรวจสุขภาพคนต่างด้าว จะต้องต้องยื่นแบบคำขอบริการเพิ่มเติมบริการตรวจสุขภาพคนต่างด้าว (แบบ ส.พ. 16) กับผู้อนุญาต คือ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในพื้นที่เสียก่อน อีกทั้ง ก่อนจะเปิดให้บริการสถานพยาบาลจะต้องเตรียมความพร้อมมาตรฐานให้ถูกต้องตามที่ประกาศกระทรวงสาธารณสุขฯ กำหนด ซึ่งประกอบด้วย 1.มีห้องปฏิบัติการที่ได้รับรองมาตรฐาน จากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ 2.มีห้องเอกซเรย์และเครื่องกำเนิดรังสีทางการแพทย์ที่ผ่านมาตรฐานและแจ้งการครอบครองกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ 3.มีแพทย์ผู้รับผิดชอบในการให้บริการตรวจสุขภาพคนต่างด้าว และมีผู้ประกอบวิชาชีพหรือผู้ประกอบโรคศิลปะอื่นเป็นผู้ร่วมให้บริการตามมาตรฐานวิชาชีพนั้นๆ 4.มีเวชระเบียนและการรายงานผลการตรวจสุขภาพ โดยต้องจัดให้มีรายชื่อคนต่างด้าวที่มาตรวจสุขภาพ ผลการตรวจสุขภาพจำแนกตามโรคต้องห้าม และ 5.มีระบบพิสูจน์อัตลักษณ์เพื่อยืนยันตัวตนคนต่างด้าวที่เข้ามารับบริการตรวจสุขภาพของสภากาชาดไทย หรือระบบยืนยันตัวตนอื่นที่กระทรวงสาธารณสุขกําหนด และหากผลการตรวจสุขภาพคนต่างด้าวปรากฏเป็นโรคต้องห้ามตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง หรือโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ สถานพยาบาลต้องรายงานผลการตรวจไปยังหน่วยงานของรัฐตามที่มีกฎหมายกำหนดไว้อีกด้วย

เจนกิจ นัดไธสง รายงาน