ยะลา-กิจกรรม“ร่วมสานสัมพันธ์้พหวัรุ่วัฒนธรรมไทย พุทธ อิสชามวัฒนธรรม

ยะลา-กิจกรรม“ร่วมสานสัมพันธ์้พหวัรุ่วัฒนธรรมไทย พุทธ อิสชามวัฒนธรรม

ผุ้สื่อข่าวของเราได้รายงานว่า เมื่อวาน(วันที่ 20 กรกฎาคม 2568) เวลา 07.30 น. พ.ต.ท.ณัตฐเขตต์ ชนะพล (สวญ.สภ.ตาเซะ) ได้เดินทางไปเข้าร่วมงานที่ตาดีกา มีการจัดกิจกรรม“ร่วมสานสัมพันธ์้พหวัรุ่วัฒนธรรมไทย พุทธ อิสชามวัฒนธรรม ด้วยการกวนขนมอาซูรอ เป็นประจำทุกๆปี สืบสานนานนับ10ปี

พ.ต.ท.ณัตฐเขตต์ ชนะพล (สวญ.สภ.ตาเซะ) เปิดเผยว่า การที่ตำรวจคลุกคลีกับประชาชน ชาวบ้าน ตาสีตาสา หรือ ดอเลาะห์ เเบมัง เเบมะ นั้นก็ถือว่าการร่วมกิจกรรรมในงานายยอมรับว่าตื่นเต้น ที่จะได้ร่วมกิจกรรมต่างศาสนา การทำงานร่วมสืบสานประเพณีที่ยาวนานมากควรที่จะอนุรักษ์ไว้ สำหรับการกวนบู๊โบซูรอนั้น ชาวมุสลิมถือว่าเป็นการให้เกียรติกันอย่างมาก โดยเฉพาะบุคคลสำคัญ บุคคลที่มีคุณูปการรวมถึงคนที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานนับพันๆปี นั่นคือ สมัยท่านนบีนุฮฺ หรือ โนอาร์ พระเจ้าได้ทรงพิโรจน์หนัก พระเจ้าให้มีการเกิดฝนตกหนัก 40 วัน 40 คืน น้ำผุดทะลักจากผิวใต้ดิน ผุดเป็นดอกเข็ม

ต่อไปนี้ จะเป็นการเล่าเรื่องราวต่างๆ และะอ้างอิงที่มาของการทำบูโบอาชูรา คืออะไร !!?

ซึ่งในหลายตำบล หลายหมู่บ้านเริ่มการจัดกิจกรรมนี้แล้ว ถือว่าเป็นฤกษ์งามดี อันเป็นเอกลักษณ์ของชาวไทยมุสลิมเรา มีรวมตัวจัดงานอย่างกับงานวัดกันเลยทีเดียว ที่สำคัญ บริเวณภายในพื้นที่เขต รอยต่อตาดีกา – บ้านตาเซะ ต.ตาเซะ อ.เมือง จ.ยะลา ไม่ได้ไกลมากนัก !!
.

นอกจากท่านสารวัตรใหญ่ ท่านนี้หนุ่มรุ่นใหม่ไฟกระพิบคนนี้หน้าตาจะหล่อเหลาเอาการ ไม่ใช่มีดีแค่่หน้าตาที่เป็นศรีแก่่วงศ์ตระกูล เขายังมีแนวคิด และวิสัยทัศน์ที่มองไกลกว่าคนหลายๆคนคิดได้ ดั่งที่เคยเห็นกันมาแล้ว เมื่อสมัยยังอยู่เป็นายเวรให้กับผู้บังคับการตำรวจภูธรในยุคสมัยนั้น อาจจะเปลี่ยนความคิดใหม่เข้ากับประชาชนได้ดีกว่าที่เป็น นอกจากจะได้อยู่นั่งพูดคุย พบปะชาวบ้านในเรื่องของการพัฒนาชุมชนแบบพึ่งพาตนเอง หาแนวทางสร้างงาน สร้างอาชีพให้กลุ่มที่ไม่ประกอบอาชีพ ส่วนใหญ่เก็บขี้ยางไปขายบางวันไม่พอเลี้ยงครอบครัวที่มีสมาชิกรวมกันนับ10คน การเข้ามาอยู่กับมวลชลสามารถทำให้ สภอ.ตาเซะนั้น เปลี่ยนแปลงงในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างงเห็นได้ชัดเจน
.

สำหรับประชาชนรุ่นอวุโส ในพื้นที่ต่างก็เห็นงามกับสิ่งที่ทาง จนท.หลายฝ่ายในตาเซะเข้ามาทุกสัปดาห์ อย่างไรก็ดีการประคับประคองกลุ่มเยาวชนที่ติดยาเสะฝพติด ที่อยู่ในวัยหัวเลี้ยวหัวต่อ ระดับชั้นมัธยมต้น-มัธยมปลาย แนววแนววการสมัครงานต่างๆที่ว่างเอกชนต้องการโดยเฉพาะห้างที่เพิ่งเปิดใหม่ 2 ห้าง ทำให้บรรยากาศอบอุ่นเหมือนญาติสนิทมิตรสหายกลับมารวมตัวเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดี และแสวงหาความร่วมมือ ในการอยู่ร่วมกันแบบปกติสุขในสังคมแบบบที่เราสามารถออกแบบบเองอย่างที่ทุกๆคนในหมู่บ้านต้องการ

ในฐานะผู้สื่อข่าวเราก็เห็นเต็มไปด้วยการทำงานที่เต็มอิ่มด้วยพลัง จะถึงอย่างไร.. ?

ฝากทุกคนด้วยละกันว่า การใช้วิวาทะศิลป์ในการเข้าพบปะชาวบ้านแต่ละหมู่บ้าน แต่ละชุมชน มันแตกต่างกันไม่มาก.. ทำให้คนที่มีความสามารถมีทุนทรัพย์ ไปร่วมกันลงธุรกิจในแหล่งพื้นที่ที่ไปช่วยกิจกรรม “อาซูรอสัมพันธ์ ประจำปี 2568 ”
.

สำหรับ พหุวัฒนธรรมจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็คือ จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยเรา ได้แก่ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และบางส่วนของสงขลา ซึ่งมีลักษณะเด่นในเรื่อง พหุวัฒนธรรม ซึ่งเกิดจากการผสมผสานของวัฒนธรรมจากกลุ่มคนหลากหลาย ได้แก่ ชาวไทยพุทธ ชาวมลายูมุสลิม และชาวจีน ทำให้พื้นที่นี้มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่น่าสนใจ โดยมีรายละเอียดสำคัญดังนี้:

1. ศาสนาและความเชื่อ
• อิสลาม: เป็นศาสนาหลักของชาวมลายูมุสลิมในพื้นที่ มีมัสยิดเป็นศูนย์กลางของชุมชน เช่น มัสยิดกรือเซะ (ปัตตานี) ที่เก่าแก่และมีความสำคัญ
• พุทธ: ชาวไทยพุทธในพื้นที่ยังคงรักษาวัฒนธรรมพุทธไว้ เช่น การทำบุญที่วัด เช่น วัดช้างให้ (ปัตตานี) ที่เป็นแหล่งศรัทธาของทั้งคนในพื้นที่และทั่วประเทศ
• จีน: ชาวจีนในพื้นที่นับถือศาสนาพุทธแบบมหายานและลัทธิเต๋า เช่น การไหว้เจ้าในศาลเจ้าจีน

2. ภาษา
• มีการใช้ภาษาหลากหลาย ได้แก่
• ภาษามลายูปัตตานี (ยาวี): เป็นภาษาหลักของชาวมลายูมุสลิม
• ภาษาไทย: ใช้ในการสื่อสารทางราชการและการศึกษา
• ภาษาจีน: ใช้ในชุมชนชาวจีนในพื้นที่

3. อาหารการกิน
• อาหารในพื้นที่ชายแดนใต้มีรสชาติเข้มข้นและได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมมลายู เช่น
• ข้าวยำ: อาหารพื้นบ้านที่มีส่วนผสมของสมุนไพรหลากชนิด
• โรตี-แกง: ที่ได้รับอิทธิพลจากอาหารอินเดียและอาหรับ
• ขนมจีนซาวน้ำ: ซึ่งนิยมทั้งในกลุ่มไทยพุทธและมลายู

4. ศิลปวัฒนธรรม
• โนรา: การแสดงพื้นบ้านของชาวไทยพุทธในภาคใต้
• ดิเกร์ฮูลู: การแสดงพื้นบ้านของชาวมลายูมุสลิม
• การทำผ้าปาเต๊ะ: งานฝีมือที่สะท้อนความเป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่
• การแสดงมโนราห์และหนังตะลุง: แสดงถึงการผสมผสานวัฒนธรรมในพื้นที่

5. ประเพณีและเทศกาล
• ประเพณีฮารีรายอ: เทศกาลสำคัญของชาวมุสลิม
• ประเพณีสารทเดือนสิบ: ของชาวไทยพุทธในภาคใต้
• เทศกาลไหว้พระจันทร์: ของชาวจีนในพื้นที่

6. การอยู่ร่วมกัน

แม้จะมีความแตกต่างทางวัฒนธรรม แต่คนในพื้นที่ชายแดนใต้มีการเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันด้วยความเคารพในความแตกต่าง มีการจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมความสามัคคี เช่น การจัดตลาดรอมฎอน หรือกิจกรรมทางศาสนาและวัฒนธรรมที่เปิดให้ทุกกลุ่มเข้าร่วม

พื้นที่จังหวัดชายแดนใต้จึงเป็นตัวอย่างของการอยู่ร่วมกันในพหุวัฒนธรรมที่มีทั้งความท้าทายและความงดงามในเวลาเดียวกัน

 

ตอริก สหสันติวรกุล รายงานจาก จาก.ปัตตานี