แพทย์ทหารย้ำเตือน “โรคมือเท้าปากระบาดช่วงหน้าฝน”
แพทย์ทหารย้ำเตือน “โรคมือเท้าปากระบาดช่วงหน้าฝน”
     จากข้อมูลของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่า โรคมือเท้าปาก ซึ่งเป็นหนึ่งในโรคที่พบการระบาดเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูฝนของทุกปี โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี โรคนี้เกิดจากเชื้อไวรัสหลากหลายสายพันธุ์ ได้แก่ เอ็นเทอโรไวรัส คอกแซคกี้ไวรัส เอ็กโคไวรัส ในกรณีที่มีอาการรุนแรง เช่น อาการสมองอักเสบ หรือกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญอาจทำให้เด็กเสียชีวิต มักเกิดจากเชื้อเอ็นเทอโรไวรัส 71 (Enterovirus 71) มักพบการระบาดในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก สถานรับเลี้ยงเด็กชุมชน โรงเรียน และในชุมชน การแพร่เชื้อเกิดได้จากการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ป่วย เช่น น้ำลาย น้ำมูก หรือน้ำตุ่มพองจากแผลของผู้ป่วย ซึ่งเชื้อไวรัสสามารถปนเปื้อนอยู่บนของเล่น เสื้อผ้า ภาชนะที่ใช้ร่วมกัน และพื้นผิวที่มีการสัมผัสบ่อย เช่น ลูกบิดประตูหรือราวจับ สาเหตุที่พบการระบาดในกลุ่มเด็กเล็ก เนื่องจากเด็กวัยนี้มักชอบเล่นของเล่นร่วมกัน หยิบของเข้าปาก หรือใช้มือจับปาก จมูก ตา ทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย
     สำหรับสถานการณ์โรคมือเท้าปาก ณ วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 มีรายงานผู้ป่วยสะสม 24,008 ราย กลุ่มอายุที่พบมากที่สุด คือ เด็กแรกเกิดถึง 4 ปี จำนวน 17,739 ราย ซึ่งมีมากกว่าร้อยละ 70 ของผู้ป่วยทั้งหมด รองลงมา คือ กลุ่มเด็กอายุ 5 – 9 ปี (ร้อยละ 22.0) และกลุ่มอายุ 10 – 14 ปี (ร้อยละ 2.5) ตามลำดับ
     ในการนี้ พลโท กิตติพงษ์  แจ่มสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 3/ผู้บัญชาการศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพภาคที่ 3 และคณะแพทย์ทหาร มีความห่วงใยจากภัยดังกล่าว ต่อบุตรหลานของข้าราชการทหาร ในสังกัดกองทัพภาคที่ 3 รวมทั้งพี่น้องประชาชน ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ จึงขอแนะนำให้ผู้ปกครองหมั่นสังเกตอาการของบุตรหลานอย่างใกล้ชิด หากมีอาการไข้ ร่วมกับมีแผลหรือจุดแดงในช่องปาก เช่น บริเวณลิ้น เพดานปาก หรือกระพุ้งแก้ม มีผื่นหรือตุ่มน้ำใสบริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า ลำตัว หรือก้น เด็กเล็กมีอาการงอแง ไม่ยอมรับประทานอาหารหรือดื่มนม มีน้ำลายไหลหรือบ่นเจ็บปาก ให้สงสัยว่าอาจเป็นโรคมือเท้าปาก
ในกรณีที่อาการรุนแรง อาจพบไข้สูงผิดปกติ รับประทานอาหารและน้ำได้น้อยมาก ซึมลง อาจมีอาการชักเกร็ง อาเจียนมาก หรือหายใจหอบเหนื่อย หากพบอาการเหล่านี้ ควรพาบุตรหลานไปพบแพทย์ทันที เพื่อรับการวินิจฉัยและดูแลรักษาอย่างเหมาะสม สำหรับการป้องกันโรค ขอแนะนำให้ผู้ปกครองควรหมั่นสอนให้เด็กล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ เนื่องจากเจลแอลกอฮอล์ไม่สามารถฆ่าเชื้อนี้ได้ หมั่นทำความสะอาดของเล่น และของใช้ของบุตรหลานเมื่อกลับจากโรงเรียน หรือหลังจากพาไปสถานที่ที่มีคนหมู่มาก และสุดท้ายควรหลีกเลี่ยงการใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น เช่น แก้วน้ำ ช้อนส้อม”
     จึงขอเรียนให้พี่น้องประชาชน ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือทราบ เพื่อให้เกิดความมั่นใจได้ว่า กองทัพภาคที่ 3 โดย โรงพยาบาลทหารทั้ง 10 แห่งในพื้นที่ภาคเหนือ พร้อมที่จะให้การช่วยเหลือประชาชน ในยามวิกฤตทุกโอกาส
ปรีชา นุตจรัส รายงานข่าว