วธ. จัดประชุมคณะกรรมการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ครั้งที่ ๒/๒๕๖๘

วธ. จัดประชุมคณะกรรมการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ครั้งที่ ๒/๒๕๖๘ เพื่อพิจารณาแนวทางการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ รวมถึงการประกาศขึ้นบัญชีมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมประจำปี และการกำหนดแนวทางขับเคลื่อนบทบาทของประเทศไทยในเวทีระหว่างประเทศด้านมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม

วันศุกร์ที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๖๘ เวลา ๑๓.๓๐ น. นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ครั้งที่ ๒/๒๕๖๘ โดยมีนายประสพ เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นางยุถิกา อิศรางกูร ณ อยุธยา อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม นายอำนวย จั่นเงิน ประธานสภาวัฒนธรรมแห่งประเทศไทย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ ผู้แทนสำนักงานยูเนสโกส่วนภูมิภาค ณ กรุงเทพฯ ข้าราชการและเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม เข้าร่วมการประชุม ณ ศูนย์ประชุมกระทรวงวัฒนธรรม ชั้น ๘ อาคารวัฒนธรรมวิศิษฏ์ กระทรวงวัฒนธรรม กรุงเทพมหานคร

นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่าการประชุมในครั้งนี้ที่ประชุม ได้พิจารณาและมีมติเห็นชอบ ดังนี้
๑. การประกาศขึ้นบัญชีมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๘ จำนวน ๒๘ รายการ ได้แก่
🔸ประเภท รายการที่เสี่ยงต่อการสูญหายต้องได้รับการส่งเสริมและรักษาอย่างเร่งด่วน ดังนี้ (๑) ระบบเขียนภาษามลายูปาตานี อักษรยาวี (๒) จาปิง (๓) ประเพณีการขึ้นเปลเด็ก (๔) ประเพณีงานกระจาด (๕) ระหัดวิดน้ำลำตะคอง (๖) ผ้าไททรงดำ (๗) การต่อเรือหัวโทง (๘) ผ้าปักชาวเขาเผ่าเมี่ยน (๙) รถสองแถวไม้ (๑๐) กลองหลวงลำพูน (๑๑) โลงมอญ (๑๒) ทุงผะเหวดอุบลราชธานี


🔸 ประเภทรายการตัวแทนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ดังนี้ (๑๓) สินไซ (๑๔) ตำนานเมืองฟ้าแดดสงยาง (๑๕) โหวด (๑๖) หมอลำ (๑๗) กลองตึ่งโนง/ตึ่งโนง (๑๘) ประเพณีและพิธีกรรมเกี่ยวกับกลองปู่จา (๑๙) ประเพณีและพิธีกรรมเกี่ยวกับการแข่งเรือ (๒๐) งานเจ้าพ่อศรีนครเตา (๒๑) ข้าวเม่า (๒๒) ไก่ฆอและ (๒๓) แกงมะแฮะ (๒๔) ทอดมันหน่อกะลา (๒๕) สไบมอญน้ำเค็ม (๒๖) ผ้าไหมชาติพันธุ์จังหวัดสุรินทร์ (๒๗) เซปักตะกร้อ และ (๒๘) วิ่งเปี้ยว และมอบกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ดำเนินการประกาศขึ้นบัญชีมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๘ ในราชกิจจานุเบกษาต่อไป


๒. แนวทางส่งเสริมการแต่งกายชุดไทยพระราชนิยมและเสื้อพระราชทาน ซึ่งเป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญในการสืบสาน รักษา และต่อยอดมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ กรมส่งเสริมวัฒนธรรมได้เห็นถึงคุณค่าและความสำคัญของมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติในด้านการแต่งกาย จึงได้กำหนดแนวทางส่งเสริมการแต่งกายชุดไทยพระราชนิยมและเสื้อพระราชทาน เพื่อเป็นการสร้างความตระหนักรู้และความภาคภูมิใจในมรดกทางวัฒนธรรมของไทย ส่งเสริมให้ประชาชนแต่งกายอย่างถูกต้อง เหมาะสม และสอดคล้องกับกาลเทศะ รวมถึงการสนับสนุนให้หน่วยงานภาครัฐและภาคส่วนต่าง ๆ สามารถนำไปประยุกต์ใช้เป็นแนวทางปฏิบัติร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม อันจะนำไปสู่การธำรงรักษาอัตลักษณ์ความเป็นไทยให้คงอยู่สืบไป

โดยมี ๓ แนวทางสำคัญ ได้แก่ (๑) ส่งเสริมให้มีการสวมใส่ชุดไทยพระราชนิยม ๘ แบบ เสื้อพระราชทาน ๓ แบบ และชุดประจำถิ่น ตามวาระโอกาส (๒) สนับสนุนให้ทุกภาคส่วนร่วมกันขับเคลื่อนการแต่งกายชุดไทยพระราชนิยมและเสื้อพระราชทาน และ (๓) สร้างการรับรู้และความเข้าใจการแต่งกายชุดไทยพระราชนิยม ๘ แบบ และเสื้อพระราชทาน ๓ แบบ ผ่านหน่วยงานต่าง ๆ ได้แก่ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน


๓. การเสนอรายการมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม เพื่อขอขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก ได้แก่ “ว่าว” เป็นมรดกร่วมในบัญชีรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อยูเนสโก ตามที่มาเลเซียเสนอ เนื่องจากว่าวเป็นสัญลักษณ์ที่มีความหมายแสดงถึงชุมชนและอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมทั่วเอเชีย อีกทั้งการเล่นว่าว เป็นขนบประเพณีที่ยังคงแพร่หลายทั่วภูมิภาค โดยหยั่งรากลึกในมรดกทางวัฒนธรรมและเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับเทศกาล กิจกรรมตามฤดูกาล และการรวมกลุ่มกันของชุมชน ด้วยความสำคัญทางวัฒนธรรมและการแพร่หลายในภูมิภาค ขนบประเพณีนี้จึงสมควรได้รับการยอมรับในการอนุรักษ์ในฐานะเป็นส่วนสำคัญของมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของสังคมเอเชีย นอกจากนี้ ประเทศไทยได้ขึ้น บัญชี “ว่าวไทย” ในบัญชีมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๔ เพื่อเป็นการส่งเสริมสนับสนุนให้มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของไทยที่มีความคล้ายคลึงกับมรดกภูมิปัญญาของประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียได้รับการยอมรับในคุณค่าและความสำคัญ ตลอดจนความเคารพ และเกิดความชื่นชมร่วมกัน

นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมได้รับทราบถึงประเด็นที่สำคัญ ได้แก่
๑. โครงการขอรับเงินสนับสนุนจากกองทุนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ขององค์การยูเนสโก ในปี พ.ศ. ๒๕๖๖ โดยศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ขององค์การยูเนสโก เพื่อดำเนินโครงการ “โรงเรียนภาคสนามเพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการสงวนรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชุมชนชาติพันธุ์ในประเทศไทย” (Field School for Capacity-building in Safeguarding Living Heritage of Ethnic Communities in Thailand)


ทั้งนี้ ทางการไทยได้รายงานผลการดำเนินโครงการในเบื้องต้นต่อที่ประชุมคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ครั้งที่ ๒๐ (20th session of the Intergovernmental Committee for the Safeguarding of the Intangible Cultural Heritage) ระหว่างวันที่ ๘ – ๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๘ ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย เรียบร้อยแล้ว
๒. การประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติบุคคล กลุ่มบุคคล องค์กร หรือหน่วยงาน ที่ทำคุณประโยชน์เกี่ยวกับการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๘ ประกอบด้วย ประเภทบุคคล จำนวน ๑๐ คน และประเภทกลุ่มบุคคล องค์กร หรือหน่วยงาน จำนวน ๔ แห่ง

ทั้งนี้ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้ดำเนินการประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติ ฯ เมื่อวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๘ เรียบร้อยแล้ว โดยได้จัดงานเพื่อประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติบุคคล กลุ่มบุคคล องค์กร หรือหน่วยงานที่ทำคุณประโยชน์เกี่ยวกับการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๘ ภายใต้งานไทยฟุ้ง ปรุงไทย (Thai Taste Thai Fest 2025) เมื่อวันที่ ๑๒ – ๑๔ กันยายน ๒๕๖๘ ณ ชั้น ๑ ศูนย์การค้า พาราไดซ์ พาร์ค ศรีนครินทร์ ซึ่งได้จัดทำข้อมูลในสูจิบัตร วีดิทัศน์ และได้มอบโล่รางวัล พร้อมเข็ม เพื่อประกาศเกียรติคุณให้แก่ผู้ได้รับการประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติฯ รวมทั้งมีแสดงทางวัฒนธรรม และกิจกรรมอื่น ๆ ของกรมส่งเสริมวัฒนธรรมด้วย


๓. ผลการดำเนินงานมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม พ.ศ. ๒๕๖๘ มีจำนวน ๔ โครงการ ประกอบด้วย (๑) โครงการส่งเสริมการดำเนินงานมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม (๒) โครงการส่งเสริมมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมผ้าไทยสู่สากล (๓) โครงการส่งเสริมศักยภาพวัฒนธรรมไทยประยุกต์สู่สากล และ (๔) โครงการเงินอุดหนุนการสืบทอดและจัดทำคลังข้อมูล ตาม พ.ร.บ. ส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม พ.ศ. ๒๕๕๙ อีกทั้งในส่วนของแผนการดำเนินงานมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมในปี พ.ศ. ๒๕๖๙ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ดำเนินโครงการต่อเนื่องทั้ง ๔ โครงการข้างต้น โดยเพิ่มเติมกิจกรรมใหม่ให้สอดคล้องตามภารกิจในการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ในการพัฒนาต่อยอด เสริมศักยภาพชุมชน


๔. การประชุมคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ครั้งที่ ๒๐ (20th session of the Intergovernmental Committee for the Safeguarding of the Intangible Cultural Heritage) กรมส่งเสริมวัฒนธรรมได้ส่งผู้คณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว ระหว่างวันที่ ๘ – ๑๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย โดยมีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของประเทศไทย ได้แก่ การรายงานตามรอบ (Periodic Reporting) เกี่ยวกับการดำเนินงานตามอนุสัญญาฯ สำหรับรอบภูมิภาคกลุ่มเอเชียและแปซิฟิก การรายงานผลลัพธ์โครงการ Field School for capacity-building in safeguarding living heritage of ethnic communities in Thailand ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากกองทุนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ และกำหนดวันประชุมคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลฯ ครั้งที่ ๒๑ นอกจากนี้ ยังมีประเด็นจากการหารือเกี่ยวกับการเสนอรายการมรดกร่วม ได้แก่ “ว่าว” เสนอโดยมาเลเซีย และ “โสร่ง” เสนอโดยอินโดนีเซีย และกำหนดวันประชุมคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลฯ ครั้งที่ ๒๑ ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน

เจนกิจ นัดไธสง รายงาน