สำนักงานตำรวจแห่งชาติมอบตำรวจภูธรภาค 4 จัดเสวนาสัญจรในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รับฟังความเห็น วิเคราะห์ผลกระทบร่างกฎหมาย แก้ไข ป.วิ.อาญา ของพรรคประชาชน

สำนักงานตำรวจแห่งชาติมอบตำรวจภูธรภาค 4 จัดเสวนาสัญจรในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รับฟังความเห็น วิเคราะห์ผลกระทบร่างกฎหมาย แก้ไข ป.วิ.อาญา ของพรรคประชาชน
วันนี้ (5 มิถุนายน 2568) เวลา 09.00 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มอบหมายให้ พล.ต.อ.นิรันดร เหลื่อมศรี รอง ผบ.ตร. (รับผิดชอบงานกฎหมายและคดี) เป็นประธานในพิธีเปิดการเสวนาทางวิชาการ ในหัวข้อ “การคุ้มครองสิทธิของประชาชน บนเส้นทางการสืบสวนสอบสวนตาม ป.วิ.อาญา” โดยมี พล.ต.ท.ฉัตรชัย สุรเชษฐพงษ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 (ผบช.ภ.4) , พล.ต.ต.สรรธาน อินทรจักร์ รอง ผบช.ภ.4 พร้อมด้วยผู้บังคับบัญชาและอดีตผู้บังคับบัญชาของตำรวจภูธรภาค 4 ได้แก่ พล.ต.อ.ศักดา เตชะเกรียงไกร อดีตที่ปรึกษาพิเศษ ตร. , พล.ต.อ.กวี สุภานันท์ อดีตที่ปรึกษาพิเศษ ตร. , พล.ต.ท.พิชัย สุนทรสัจจบูลย์ อดีต ผบช.ภ.4 , พล.ต.ท.บุญเลิศ ใจประดิษฐ์ อดีต ผบช.ภ.4 , พล.ต.ท.จตุพล ปานรักษา อดีต ผบช.ภ.4 ตลอดจนผู้บังคับการตำรวจภูธรทุกจังหวัดในสังกัดตำรวจภูธรภาค 4 ร่วมพิธี ณ ห้องประชุม ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 4
การเสวนาในครั้งนี้ สืบเนื่องจากกรณีที่ ส.ส.พรรคประชาชน ได้เสนอร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม ป.วิ.อาญา ไปยังสภาผู้แทนราษฎร โดยเสนอแก้ไขกฎหมายปรับเปลี่ยนกระบวนงานในการสอบสวนของตำรวจหลายประเด็น โดยเฉพาะการให้พนักงานอัยการลงมากำกับดูแลงานสอบสวน และการทำความเห็นแย้งที่เสนอย้อนกลับไปให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้ทำความเห็นแย้งแทนตำรวจ แม้บางฝ่ายจะเห็นว่าร่างกฎหมายเป็นการช่วยตรวจสอบถ่วงดุลตั้งแต่ในชั้นสอบสวน แต่มีอีกหลายความเห็นที่มองว่าจะเป็นการเพิ่มขั้นตอนกระบวนงานสืบสวนสอบสวนที่ซ้ำซ้อน จนทำให้เกิดความล่าช้าโดยไม่จำเป็น กระทบสิทธิของผู้เสียหายที่จะได้รับสิทธิของการอำนวยความยุติธรรมด้วยความรวดเร็ว ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติในฐานะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง จึงจัดให้มีการรับฟังความเห็นต่อร่างกฎหมายดังกล่าวจากข้าราชการตำรวจ องค์กรในกระบวนการยุติธรรม และประชาชนในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยได้เริ่มรับฟังความเห็นในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล , ตำรวจภูธรภาค 1 และตำรวจภูธรภาค 7 ไปแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา โดยมีคณะนิติศาสตร์ และคณะตำรวจศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ เป็นผู้จัดงานเสวนา
สำหรับพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติมอบหมายให้ตำรวจภูธรภาค 4 และคณาจารย์ของศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 4 จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นในหัวข้อ “การคุ้มครองสิทธิของประชาชนบนเส้นทางการสืบสวนสอบสวนตาม ป.วิ.อาญา” เชิญวิทยากรจากอัยการจังหวัดในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 4 อาจารย์ และผู้ทรงคุณวุฒิในงานสืบสวนสอบสวน ร่วมการเสวนา ประกอบด้วย พล.ต.อ.ศักดา เตชะเกรียงไกร นายกสมาคมโรงเรียนนายร้อยตำรวจ/อดีตที่ปรึกษาพิเศษ ตร. , พ.ต.ต.สันติ มุริจันทร์ อัยการจังหวัดหนองบัวลำภู , นายอภิศิษฏ์ ภู่ภัทรางค์ รองอัยการจังหวัดขอนแก่น , ดร.สุชาติวัฒน์ ณัฏประเสริฐ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ร่วมขึ้นเวทีแลกเปลี่ยนความเห็น และมีพนักงานสอบสวน ข้าราชการตำรวจในสายงานสืบสวน ระดับผู้กำกับการถึงรองสารวัตร ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ตำรวจภูธรภาค 3 และตำรวจภูธรภาค 4) อาจารย์และนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น และวิทยาลัยบัณฑิตเอเชีย พร้อมด้วยภาคประชาชนในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น เข้าร่วมการเสวนา รวมจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 300 คน โดยหลังจบการเสวนาในภาคเช้าแล้ว ยังมีกิจกรรมสัมมนากลุ่มย่อย (Focus Group) เพื่อระดมความเห็นต่อร่างกฎหมายและแลกเปลี่ยนความเห็นในการพัฒนางานสอบสวนจากผู้ปฏิบัติด้วย
สำหรับร่างกฎหมายแก้ไข ป.วิ.อาญา ของพรรคประชาชนนั้น มีหลักการให้พนักงานอัยการเข้ามากำกับดูแลงานสอบสวน เช่น ให้ความเห็นชอบแก่หัวหน้าพนักงานสอบสวนในการออกหมายเรียก หรือให้ความเห็นชอบก่อนขอศาลออกหมายจับ รวมทั้งตรวจสอบกำกับการสอบสวนและการรวบรวมพยานหลักฐานในคดีสำคัญหรือคดีที่มีการร้องขอความเป็นธรรม ซึ่งในการเสวนาวันนี้ได้มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนวิเคราะห์ถึงผลกระทบของร่างกฎหมาย โดยเฉพาะประเด็นการปฏิบัติงานที่ซ้ำซ้อนกันของพนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ และศาล ซึ่งอาจทำให้กระบวนการสืบสวนสอบสวนล่าช้าโดยไม่จำเป็น รวมทั้งไม่สอดคล้องกับหลักกฎหมายอาญาในระบบกล่าวหาของประเทศไทย และไม่สอดคล้องกับการปฏิบัติงานของพนักงานอัยการที่ปฏิบัติกันอยู่ในปัจจุบัน
ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะได้สรุปผลการเสวนาของพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือในครั้งนี้ รวบรวมกับการเสวนาที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ครั้งก่อน (พื้นที่กรุงเทพมหานคร และภาคกลาง) รวมทั้งที่จะจัดขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือและภาคใต้ในช่วงกลางเดือนมิถุนายน 2568 รวมทั้งสิ้นจำนวน 4 ครั้ง นำมาจัดทำเป็นความเห็นที่มีต่อร่างกฎหมายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รายงานไปยังสภาผู้แทนราษฎรต่อไป