“บุกทลายขบวนการค้ามนุษย์ ช่วยเหยื่อสาวลาวคาราโอเกะค้ากาม”
ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาเพื่อท่องเที่ยวในประเทศไทย โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีหมายจับตำรวจสากล หรือพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน หรือเป็นลักษณะการกระทำผิดเข้าข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ
สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.,พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รอง ผบช.สตม.,พล.ต.ต.ณฐพล แสวงกิจ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม 3, พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.รัชธพงศ์ เตี้ยสุด ผกก.สส.บก.ตม.3 ร่วมแถลงข่าวการจับกุม สถานบริการร้านไออุ่นคาราโอเกะ ในพื้นที่ จว.ระยอง มีการลักลอบขายบริการทางเพศให้แก่นักท่องเที่ยวโดยมีเหยื่อเป็นหญิงชาวลาว ทำให้ประเทศไทยได้รับความเสียหายในเรื่องภาพลักษณ์การป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์
เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2562 เจ้าหน้าที่กองกำกับการสืบสวนสอบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดระยอง ได้รับแจ้งเบาะแสจากมูลนิธิพิทักษ์สตรีว่า มีการลักลอบขายบริการทางเพศและแสวงหาผลประโยชน์จากเด็กหญิงที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ภายในสถานบริการร้านไออุ่นคาราโอเกะ ต.มาบยางพร อ.ปลวกแดง จว.ระยอง เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ดำเนินการสืบสวนจนกระทั่งทราบแน่ว่ามีการเสนอขายบริการในลักษณะดังกล่าวจริง จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วจึงได้วางแผนส่งสายลับเข้าทำการล่อซื้อในสถานบริการดังกล่าว ต่อมาหลังจากเข้าไปใช้บริการปรากฏมีพนักงานหญิงกลุ่มหนึ่งมาเสนอขายบริการทางเพศในราคาจำนวน 1,500 บาทต่อครั้ง รวมค่าโรงแรม ซึ่งอยู่บริเวณด้านหลังของร้านคาราโอเกะ จากการขยายผลจับกุมพบว่ามี นายสุรเสกข์ อายุ 44 ปี เป็นเจ้าของสถานบริการและยอมรับว่าเป็นธุระจัดหาหญิงชาวลาวเพื่อการขายบริการทางเพศให้แก่นักท่องเที่ยวจริง เจ้าหน้าที่จึงได้จับกุม นายสุรเสกข์ พร้อมพวกรวม 3 ราย และของกลาง ได้แก่ ธนบัตรล่อซื้อ, สมุดบัญชีการใช้บริการทางเพศ, สมุดควบคุมการจัดแบ่งรายได้, ใบเสร็จรับเงิน และของกลางอื่นๆ
โดยกล่าวหา นายสุรเสกข์ ผู้ต้องหาที่ 1 ว่า“ค้ามนุษย์อันเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณี”, “เป็นธุระจัดหา ล่อไปหรือชักพาไปซึ่งบุคคลใด เพื่อให้บุคคลนั้นทำการค้าประเวณี แม้บุคคลนั้นจะยินยอมก็ตาม”, “เป็นเจ้าของกิจการการค้าประเวณีหรือผู้ดูแลหรือผู้จัดการการค้าประเวณีฯ”, “เพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหาหรือพาไปเพื่อการอนาจารฯ”, “รับคนต่างด้าวทำงานโดยที่คนต่างด้าวไม่มีใบอนุญาตทำงานหรือให้คนต่างด้าวทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิจะทำได้” และ “เป็นเจ้าบ้าน เจ้าของ หรือผู้ครอบครองเคหะสถาน รับคนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเข้าพักอาศัย แล้วไม่แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่” และกล่าวหา นางสาวสอนสะหวัน อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาที่ 2 สัญชาติลาว และนางสาวคูน อายุ 20 ปี ผู้ต้องหาที่ 3 สัญชาติลาว โดยกล่าวหาว่า “เข้าติดต่อชักชวน แนะนำตัว ติดตามหรือรบเร้าบุคคลตามท้องถนนหรือสถานที่สาธารณะ หรือกระทำการดังกล่าวในที่อื่นใด เพื่อการค้าประเวณีฯ” และ “เป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน” ควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนกองกำกับการสืบสวนสอบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3 เพื่อดำเนินคดีต่อไป
ต่อมาจากการประสานงานกับกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ดำเนินการคัดแยกหญิงบริการในร้านและพบว่ามีเหยื่อเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ จำนวน 5 ราย โดยเป็นคนสัญชาติลาว ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี (ขั้นตอนแจ้งข้อหาเพิ่มเติมอยู่ระหว่างการดำเนินการทางกฎหมาย)
สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม.มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่างๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่นๆ ที่มีหมายจับและมีเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง